E-Marketing ย่อมาจากคำว่า Electronic
Marketing หรือเรียกว่า “การตลาดอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด
โดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน เข้ามาเป็นสื่อกลาง
ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือพีดีเอ ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยอินเทอร์เน็ต
มาผสมผสานกับวิธีการทางการตลาด การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด อย่างลงตัวกับลูกค้า
หรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรอย่างแท้จริง
e-marketing plan
วัตถุประสงค์ของโครงสร้างการทำ E-marketing Plan เพื่อ
- Cost reduction and value chain efficiencies
- Revenue generation
- Channel partnership.
- Communications and branding
Distinguishing between e-marketing, e-business and e-commerce
E-marketing planning
-the SOSTAC™ framework developed by
Paul Smith (1999) ซึ่งสามารถสรุปขั้นตอนที่เกี่ยวข้องได้ 6 ขั้นตอนด้วยกัน คือ
- Situation – where are we now?
- Objectives – where do we want to be?
- Strategy – how do we get there?
- Tactics – how exactly do we get there?
- Action – what is our plan?
- Control – did we get there?
ข้อดีของ E-Marketing เมื่อเทียบกับสื่ออื่น
1. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่า 800 ล้านคน 225 ประเทศ 104 ภาษา
2. สามารถวัดผลได้แม่นยำกว่าสื่ออื่น
3. ราคาลงโฆษณาถูกกว่าเมื่อเทียบกับสื่ออื่น
4. จำนวนผู้ใช้สื่อนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
5. คุณภาพของผู้ใช้มีมากกว่าสื่ออื่น
Click and Click
เป็นการให้บริการบนอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว ไม่มีธุรกิจในโลกจริง
Click and Mortar
เป็นรูปแบบที่มีธุรกิจจริง (Real) อยู่แล้วแต่ขยายมาทำในอินเทอร์เน็ต
เปรียบเทียบกันระหว่าง 2 โมเดล
ข้อดี
- ต้นทุนต่ำ ใช้คนน้อย (คนเดียวก็ทำได้)
- เริ่มต้นได้ง่าย
- เปิดกว้างมากกว่า
- ไม่ต้องมีความชำนาญมาก ก็เริ่มทำได้
ข้อเสีย
- ขาดความชำนาญ
- สร้างฐานลูกค้าใหม่
- รองรับลูกค้า Online ได้อย่างเดียว
- ความน่าเชื่อถือน้อย
Click & Mortar
ข้อดี
- มีความเชี่ยวชาญ
- มีลูกค้าอยู่แล้ว
- น่าเชื่อถือ
- รองรับลูกค้าได้ online และ Offline
ข้อเสีย
- ต้นทุนสูง ใช้คนมาก
- ใช้เวลาในการจัดทำ
- การทำงานต้องยึดติดกับบริษัท
การเริ่มต้นการตลาดออนไลน์
1.กำหนดเป้าหมาย
2.ศึกษาคู่แข่ง
3.สร้างพันธมิตร
4.ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น
5.ดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์
1.กำหนดเป้าหมาย
- เป้าหมายในการทำเว็บ คุณทำเว็บไปทำไม??
- ทำให้คนอื่นๆ รู้จักคุณ, องค์กรของคุณ
- ขายสินค้าของคุณ
- สำหรับช่วยเหลือและบริการหลังการขายกับลูกค้า
- ให้ข้อมูลสินค้าและไว้สำหรับเป็นช่องทางในการติดต่อ
- เชื่อมโยงระหว่างองค์กร เครือข่าย
- เห็นเค้ามีกัน เลยอยากมีบ้าง..!
- อายุ, เพศ, การศึกษา, ฐานเงินเดือน, Location, กลุ่มธุรกิจ, ความชอบ ฯลฯ
- จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค (SWOT Analysis)
- แหล่งรายได้ของเว็บไซต์
- จุดเด่น หรือจุดแตกต่าง (Differentiate) ของคุณกับเว็บอื่นๆ
2. ศึกษาคู่แข่ง
1. คู่แข่งคุณคือใคร?
2. ศึกษารูปแบบการทำเว็บ, ธุรกิจของคู่แข่ง
3. จุดเด่น-จุดอ่อนอะไรบ้าง
4. ศึกษาเคาเตอร์ (Stat) ของคู่แข่ง
5. เข้าร่วมเว็บบอร์ดของคู่แข่ง (ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ ชอบไม่ชอบอะไร)
6. บอกรับจดหมายสมาชิกของคู่แข่ง
7. ขอข้อมูลที่เกียวข้องกับเว็บไซต์ (ราคาโฆษณา, สถิติ)
8. เข้าชมเว็บคู่แข่งเป็นประจำ
3. สร้างพันธมิตร
- เว็บคู่แข่ง
- บุคคลหรือองค์กรที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกัน
- เว็บอื่นๆ ที่สามารถร่วมมือกันได้
- กับผู้เข้าชมเว็บไซต์
การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณโดยตรง หรือไม่เกี่ยวก็ได้
• Online - Offline
• Win – Win – Win Solution
รูปแบบของความร่วมมือ
• การแลกเปลี่ยนสินค้ากับสินค้า Bartering Model
****
• การแบ่งรายได้ (Revenue Sharing)
• ความร่วมมือทางด้านบุคลากร ทรัพยากรและข้อมูล
• สื่อ และช่องทางในการประชาสัมพันธ์
• ได้ทุกอย่าง
Thai Webmaster Association
สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
สมัครสมาชิกได้ที่
www.webmaster.or.th
4. ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น
- เคาเตอร์วัดจำนวนคนเข้า
- ตัวเก็บสถิติ (Stat)
- Free Stat Service (www.Truehit.net, www.nedstat.com)
- เว็บบอร์ด
- Guest Book
- ตัวเก็บนับจำนวนคนในเว็บไซต์ขณะนั้นOption
- ห้าม Save ภาพในหน้าเว็บนั้น
การศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ผ่าน www.Truehits.net
- เก็บข้อมูลผู้ที่เข้ามาเว็บไซต์ เชิงลึก (วันเวลา, ประเทศ)
- สมัครฟรี.!
5. ดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอ
- ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้, คู่แข่ง, ตลาด, สภาพแวดล้อม, เทคโนโลยี
- เปิดรับความคิดเห็นจากผู้ใช้
- ปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอ
- วางแผน ปรับปรุง โฆษณา ประเมินผล
เว็บเล็กๆเริ่มต้นอย่างไร?
- โฟกัสกล่มุ ลูกค้าที่ชัดเจน เว็บเล็กแต่มีคุณภาพ (Niche Market) ถ้าเหมือนต้องทำให้ “ดีกว่า”
- สร้างความแตกต่างให้ชัดเจน (Differentiate)
- เริ่มต้นทำเป็นเจ้าแรก (First Mover) Move Fast
- สร้างสังคมให้เกิดขึ้น (Community)
- สร้างบริการต่างๆ ให้ตรงใจกับลูกค้า (Stickiness)
- PR ตรงกล่มุเป้าหมายที่ชัดเจน (Offline+Online)
ก่อนการประชาสัมพันธ์
- เช็กว่าตัวเองพร้อมแล้วรึยัง? ข้อมูล?
- สร้างความคึกคัก(ข้อมูล) ของเว็บด้วยต้วเองก่อน
- เว็บเรามีจุดเด่นไหม มีอะไรที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาอีก?
- หากรู้จักดาราหรือคนดัง ดึงมาช่วยเลย.!
- สร้าง logo และ สโลแกนที่น่าสนใจและจดจำ (ใช้ทุกๆหน้า)
การสร้างเอกลักษณ์ของเว็บไซต์ (Web Identity)
การสร้างให้คนรู้จักและจดจำ Brand ของเว็บไซต์คุณก็เหมือนกับสร้างความคุ้นเคย
ของลูกค้าที่มีต่อเว็บไซต์ของคุณ
- การวางคอนเซพท์ของตัวเว็บไซต์
- สไตล์การเขียนที่เป็นเอกลักษณ์
- มีความสอดคล้องกับแบรนด์สินค้าหรือบริการ
หลักเว็บไซต์ของ
Hutch (www.Hutch.co.th)
- ลักษณะการออกแบบเว็บไซต์
- การใช้สีสัน
- การวางรูปแบบบหรือเลย์เอาท์
- การใช้โลโก้ที่มีความโดดเด่น
การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์
• วีธีการออนไลน์ (Online)
- Banner Advertising
- Search Engine Advertising
- E-mail Advertising
- Viral Marketing
- E-Marketplace Marketing
- วิธีอื่นๆ..
• วิธีการออฟไลน์ (Offline)
– แบบฟรี.!
– แบบเสียเงิน
ลูกค้าจะหาเว็บคุณเจอได้อย่าไร?
วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์-Online
- จัดทำโฆษณาแบนเนอร์ โฆษณาตามเว็บไซต์กลุ่มเป้าหมาย
- แลกลิงค์กับเว็บอื่นๆ (เขียนเมล์ไปขอ) – Barter Banner
- ทำ Code สำหรับแจก-แลก Banner (ทำ Banner หลายๆ ขนาด)
- โฆษณารุปแบบไหม่ เข้าถึงกลุ่มผู้รับ ได้อย่างดี
11 วิธีการออกแบบแบนเนอร์ให้ได้ผล
1. ขนาดยิ่งใหญ่ยิ่ง มีโอกาสการคลิกเยอะ
2. เปลี่ยนแบนเนอร์บ่อย (1 แคมเปญ ควรมีอย่างน้อยแบนเนอร์ 2 แบบ)
3. ใช้คำพดู ที่จูงใจ ดึงดูดในแบนเนอร์ เช่น “กดที่นี้” “โอกาสสุดท้าย”
4. ฟรี.! ยังเป็นคำที่มีอนุภาคมากที่สุด
5. การใช้ภาพเคลื่อนไหว จะมีคนคลิกมากว่า โฆษณาภาพนิ่ง
(เคลื่อนไหวอย่างเร็ว)
6. การใช้เซ็กซ์ ช่วย.. ยังไงคนก็สนใจ
7. ใช้สีสันโดดเด่น มีคนสนใจมากกว่า สีดำๆ ถมึนๆ
8. การออกแบบที่ดี
9. ขนาดไฟล์ของแบนเนอร์ไม่ควรใหญ่จนเกินไป
10.ทำลิงค์ไปหน้าที่ต้องการหลังจากกด แบนเนอร์
11.ทดสอบแบนเนอร์ก่อน ขึ้นจริงๆ
Search Engine Marketing
Search Engine ทำงานยังไง ?
Natural Search Engine Optimization (SEO)
ให้ตรงกับเว็บไซต์
- เมื่อมีการค้นหาผ่าน Search
Engine ชื่อเว็บจะแสดงอยู่ในหน้า
รายการของเว็บที่ค้นเจอ
ข้อดี
- ฟรี Traffic
- ผู้ชมจะคลิกในส่วนนี้สูงถึง 60-70%
ข้อเสีย
- ใช้เวลานานในการขึ้นอันดับ
- สามารถเลือกจำนวน keyword ได้จำกัดแค่ 2-5 คำต่อเนื้อหาหนึ่งหน้าของเว็บเพจ
- ไม่สามารถรักษาสถานะของอันดับได้แน่นอน
- ไม่สามารถวัดค่า ROI ที่แน่นอนใช้เวลานานกว่าจะรู้ผลของแต่ละคำ
2. Paid Search Advertising
เป็นการโฆษณาแบบ จ่ายเงินเพื่อทำให้เว็บของคุณ แสดงเมื่อมีการค้นหาใน Key Word
ที่คุณกำหนดไว้
2. Paid Search Advertising (Pay Per Click Advertising)
ข้อดี
- พร้อมใช้ในเวลาไม่ถึง 15 นาที
- แม้ว่า Search Engine จะเปลี่ยนแปลงการจัดใหม่ อันดับของคุณจะคงที่อยู่เสมอ
- สามารถเลือกจำนวน keyword ได้ไม่จำกัด
- ควบคุมค่าใช้จ่าย และสามารถวัดค่า ROI ได้แม่นยำและใช้เวลาไม่นาน
ข้อเสีย
- ต้องเสียเงินทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกAd
- ต้องใช้ทักษะที่ค่อนข้างสูงในการบริหาร Ad
E-Mail Marketing การตลาดผ่านอีเมล์
1. สร้าง Mail Marketing ของตัวเอง
2. ไปยืมรายชื่อคนอื่นๆส่ง BlanketMail.com, Briefme.com, Colonize.com,
MailCreations.com, TargetMails.com
3. ยิงมั่ว หรือ SPAM
4. ไปดูด Email จากแหล่งต่าง website, search engines, whois database,
วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์-Online
- ส่ง MSN, ICQ หาเพื่อนๆ แล้วให้ส่งต่อ
- โปรโมตธุรกิจบนเว็บบอร์ดหรือ Community ต่างๆ
Raid Marketing (การตลาดแบบจู่โจม)
- ใช้คนเป็นจำนวนมากในการเข้าไป “สร้างกระแส” ตามแหล่งต่างๆ ที่มีคนเยอะ
- chat rooms, forums, discussion groups etc around the world
- ใช้ความเป็น “ส่วนตัว” เข้าไปสร้างกระแสสังคมใน Virtual Community
ทำ Signature ใน E-Mail (Out-Look, Hotmail)
- ทำทุกคนในบริษัท
- ใส่ข่าวสารหรือโฆษณาลงไปก็ได้
วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์-Online
- ลงทะเบียนใน Web Directory, Search Engine
- ไปเขียนบทความที่อื่นๆ แล้วทำ link กลับมา
- มีบริการทดลองใช้ฟรี หรือ มีการรับรองผล
- แจ้งผู้เข้าเยี่ยมชมเมื่อ เว็บปรับปรุงใหม่
- ให้ดาวน์โหลด ฟรี.!
- ไปลงชื่อใน guest book ของเว็บอื่นๆ
- สร้างสิสันในเทศกาลต่างๆ ในเว็บไซต์
วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์-Offline
แบบฟรี.!
- นำ URL ไปติดไว้ทุกที่ที่ติดได้ นามบัตร, หัว-ซองจดหมาย, ที่อยู่บริษัท
- ติดสติกเกอร์หลังรถตัวเอง, เพื่อน, ญาติพี่น้อง, คนรู้จักและ ไม่รู้จัก
- คูปองส่วนลดพิเศษ
- ให้ผลงานคุณกับคนอื่นๆ ฟรี.! (เขียนบทความ, การ์ตูน, ภาพต่างๆ)
- ร่วมมือกับพันธมิตร (Partner)
- เข้าสังคมคนทำเว็บ หาเพื่อน (สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย www.webmaster.or.th)
ตัวอย่างโฆษณา Banner แบบต่างๆ
การทำโพล หรือ แบบสำรวจออนไลน์
ใช้ฐานลูกค้าของเว็บไซต์นั้นๆ เป็นผู้ทำแบบสำรวจผ่านเว็บไซต์
ข้อดี
ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา รวดเร็ว รู้ผลได้ทันที สะดวก เลือกกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
การได้ข้อมูลมาอย่างสะดวกและรวดเร็ว การวิเคราะห็ข้อมูลอย่างสะดวกรวดเร็ว
ต้นทุนในการทำการวิจัยประหยัด ข้อมูลมีความถูกต้องมากกว่า
ช่องทางการทำ
• ส่งผ่าน E-Mail
• ทำผ่านหน้าเว็บไซต์
2. ขายสินค้าทำ E-Commerce
การขายสินค้าผ่านหน้าเว็บ โดยคุณอาจจะมีสินค้าหรือไม่มีสินค้าก็ได้
เช่น notebook, Application
3. การขายบริการหรือสมาชิก
ให้บริการเช่า แอพพิลเคชั่น (ASP) Ex. Thaimisc, TARAD.com
ขายบริการที่ดีกว่า Ex. Keepalbum.com
4. ขายข้อมูล
• ค่าเข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ รูปภาพหรือข้อมูล Ex. Stock information,
จำกัดการเข้าดู Ex. Balloon Album
5. จัดกิจกรรมและงาน
6. การให้บริการผ่านมือถือ
–SMS, Logo-Ringtone, 1900 Ex. Sanook MobileMagic, Siam2you , Monozone.com
Audio text - IVR (Offline)
1900 Ads Activate
Posting in Special Location Service (self service)
8. การรับพัฒนาเว็บไซต์
• ออกแบบเว็บ (Web Design)
• เขียนโปรแกรม (Web Programming)
• ดูแลเว็บ (Web Maintenance)
• การตลาดออนไลน์ (Web Marketing)
• ที่ปรึกษา (Consultant)
อาจนำทั้งหมดมาทำเป็น Package
6 Cs กับความสำเร็จของการทำเว็บ
1.C ontent (ข้อมูล)
2.C ommunity (ชุมชน,สังคม)
3.C ommerce (การค้าขาย)
4.C ustomization (การปรับให้เหมาะสม)
5.C ommunication, Channel (การสื่อสารและช่องทาง)
6.C onvenience (ความสะดวกสบาย)
1. C ontent (ข้อมูล)
- ข้อมูลใหม่สดเสมอ
- ข้อมูลมีความถูกต้อง
- อ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล
การจัดการและบริหารข้อมูล (Content Management )
1. เว็บไซต์ที่มีข้อมูลไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย (Static Content)
2. เว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่เสมอ (Dynamic Content)
รูปแบบของการหาข้อมูลมาไว้ในเว็บไซต์มี 3 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
- ทางผู้จัดทำเว็บไซต์เป็นคนผลิตข้อมูลขึ้นมา (Self Feeding)
- ข้อมูลมากจากผู้เข้ามาใช้บริการ (User Feeding)
- ข้อมูลมากจากพันธมิตร (Partner Content)
2. C ommunity (ชุมชน,สังคม)
Community คือ การรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่อยู่ร่วมกันภายใต้สถานๆ หนึ่ง
โดยการพูดคุย หรือกิจกรรมร่วมกันภายในสถานที่แห่งนั้น
องค์ประกอบในการสร้าง Community ในเว็บไซต์ของคุณ
1.เว็บบอร์ด (Web Board)
2. พิ๊กโพสต์ (Pic Post)
3. ไดอารี่ หรือ บล็อก (Diary or Blog)
4. ข่าว (News) + Web Board
5. รวมลิงค์ เว็บไซต์
6. ห้องแช๊ตรูม (Chat Room)
3. C ommerce (การค้าขาย)
Commerce หรือ การทำการค้าขายผ่านเว็บไซต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ได้
เช่นเว็บข้อมูล (Content), เว็บโปรแกรมมิ่ง, เว็บ Community, หรือ เว็บโป๊ ก็สามารถ
ทำ E-Commerce
การหาสินค้ามาขายผ่านหน้าเว็บ
- การซื้อสินค้ามาเก็บไว้
- การนำสินค้าจากแคตตาล๊อกมาขาย (จับเสือมือเปล่า)
- การนำสินค้าจากพันธมิตรมาขาย
www.thaisecondhand.com/promotion
4. C ustomization (การปรับให้เหมาะสม)
C - Customization คือ รูปแบบการให้บริการที่
สามารถปรับแต่งการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับ
ผู้ใช้บริการภาย ในเว็บไซต์
•การปรับแต่งข้อมูลเพื่อการบริการ (Service)
http://my.MSN.com
• การปรับแต่งสินค้าเพื่อการค้า (Commerce)
www.Nike.com
• การเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อการนำเสนอข้อมูล
(Information) www.Amazon.com
5. C ommunication, Channel (การสื่อสารและช่องทาง)
Communication คือ ช่องทางในการสื่อสาร
และติดต่อกับผู้ใช้บริการในเว็บไซต์ของคุณ จริงๆ
แล้วสิ่งที่คุณมีอยู่ในเว็บไซต์คุณคือข้อมูล
(Content) หรือ บริการ (Service) ซึ่งเป็น
เพียงแค่ “ช่องทาง” ในการ “เข้าถึง” ข้อมูลหรือ
บริการเหล่านั้น
-โทรศัพท์มือถือ
- บริการผ่าน WAP
- บริการข้อมูลผ่าน SMS
- PDA
- ทางโทรศัพท์ปกติ
Hutch M-Site Program
ให้บริการ Content บนมือถือ
Hutch
Revenue Sharing
Hutch help marketing
Technology provider
Training
http://www.hutch.co.th/msites
6. C onvenience (สะดวกสบาย)
การใช้งานง่าย (Usability)
1. "ดู" ง่าย
• การวางรูปแบบ (Layout)
• รูปภาพ และไอค่อน ( Image & Icon)
• ขนาดตัวอักษร (Font) และการจัดหน้า
• การออกแบบระบบนำทางที่ดี (Navigation)
• มี Site map ในเว็บ
2. "เรียนรู้" ได้ง่าย (easy to learn)
3. "จดจำ" วิธีการใช้งานได้ง่าย
4. "เข้าถึง" ได้ง่าย
5. ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ (efficient to use)
6. การเจอปัญหาและการแก้ไข (Help & FAQ)